TESSLIFT SOFT ไหมโครงตาข่าย ยกกระชับสลายได้เองความปลอยภัยสูง

TESSLIFT SOFT ไหมโครงตาข่าย ยกกระชับสลายได้เองความปลอยภัยสูง

ร้อยไหมคืออะไร ?

การร้อยไหม มีมานานแล้วโดยเป็นการนำเส้นไหมมาร้อยลงในชั้นผิวหนัง ในปัจจุบันที่นิยมคือเป็นการใช้ไหมละลาย เป็นเส้นสั้น ๆ ร้อยไปประมาณ 20-100 เส้นบนใบหน้าจะละลายที่ 6-8 เดือน โดยทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว และเกิดการยกกระชับ แต่ในความเป็นจริงกลับพบอาการร้อยไหมที่ใส่ไหมเรียงใต้ผิวหลาย ๆ เส้น ทำให้เกิดเนื้อเยื่อแผลเป็นใต้ผิว และผลการยกกระชับเกิดจากการบวมหลังร้อย เมื่อยุบบวมแล้วการยกก็จะหายไป ไม่ได้เกิดการยกกระชับที่ชัดเจนและมีข้อเสีย คือเป็นไหมที่ไม่ได้ผ่านการรับรองจากอย. ให้ใช้เพื่อการยกกระชับ นอกจากนี้ยังมีการใช้ไหมทองคำร้อยเข้าไปพยุงใบหน้า ซึ่งพบว่าไหมทองคำเป็นไหมที่ไม่สามารถสลายไปได้เอง อาจกระตุ้นให้เกิดการแพ้โลหะและทองคำได้ นอกจากนั้นหากคนไข้ต้องตรวจ MRI (Magnetic Resonance Imaging) หรือการตรวจเอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะทำให้เกิดความร้อนที่เส้นไหมเสี่ยงหน้าไหม้ได้

ไหมที่ยกกระชับได้จริงและผ่าน อย.

เส้นไหมที่ถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้ตามวัสดุและลักษณะของไหม ดังนี้

ชนิดของเส้นไหม ที่แบ่งตามวัสดุ มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่

1. PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นเส้นไหมชนิดที่มีความแข็ง ทนต่อแรงดึง จึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีที่สุด แต่จะขาดความยืดหยุ่น ทำให้เปราะหัก ขาดง่าย จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม

2. PDO (Polydioxanone) เป็นเส้นไหมที่ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงามชนิดแรก และได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเข้ากันกับเนื้อเยื่อผิวหนังได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง อ่อนนิ่ม ไม่เปราะหักง่าย ขณะที่ร้อยจะไม่ค่อยรู้สึกระคายเคือง

3. PCL (Polycaprolactone) เส้นไหมชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่ที่สุด แต่มีความยืดหยุ่นสูง แข็งทน ไม่เปราะหักง่าย อยู่ได้นาน

ลักษณะของเส้นไหม มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบหลัก คือ

1. ไหมเรียบ

คือเส้นไหมที่มีลักษณะพื้นผิวเรียบ ไม่มีเงี่ยง มีทั้งแบบเรียบตรง และแบบเกลียว มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว กระตุ้นคอลลาเจน แต่เนื่องจากไม่มีเงี่ยง จึงไม่ค่อยช่วยในเรื่องการยกกระชับหน้าที่หย่อนคล้อยมากนัก

2. ไหมเงี่ยง

ลักษณะของเส้นไหมรูปแบบนี้ จะมีเงี่ยงยื่นออกมาจากตัวไหม อาจมีทั้งทิศทางเดียว และ 2 ทิศทาง โดยเงี่ยงเหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยเกี่ยวเนื้อเยื่อผิวให้ยกกระชับขึ้นนั่นเอง

3. ไหมโครงตาข่าย

เส้นไหมที่มีลักษณะเป็นเงี่ยงรอบทิศทาง และมีโครงตาข่ายคลุมรอบเส้นไหม ทำให้มีความแข็งแรง ทนแรงต้านได้ดี ตัวไหมมีการยึดเกาะได้แน่นกว่าเดิม ไม่หลุดเคลื่อนที่จากตำแหน่งได้ง่าย พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้รอบทิศทาง

TESSLIFT SOFT ไหมโครงตาข่าย เพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับหน้า

ไหมโครงตาข่าย TESSLIFT SOFT นวัตกรรมการร้อยไหมไหมโครงตาข่ายโดยผ่านการรับรองจาก อย.ไทย, CE Mark และ KFDA (อย.เกาหลี)สามารถสลายได้เองมีความปลอดภัยสูง กำลังเป็นกระแสในวงการร้อยไหมตอนนี้ มีคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง

  • ด้วยลักษณะของเส้นไหมที่ถูกออกมาเป็นพิเศษ มาพร้อมเงี่ยง 2 ทิศทางและโครงตาข่ายล้อมรอบ 360 องศา ทำให้ไหมโครงตาข่าย TESSLIFT SOFT มีความแข็งแรง เพิ่มการยึดเกาะ สามารถต้านทานแรงดึงได้มากกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า จึงช่วยในการยกกระชับหน้าได้เป็นอย่างดี และเห็นผลทันทีที่ทำ
  • รูของตาข่ายช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในผิว โดยเนื้อเยื่อจะมาเกาะและเจริญเติบโตตามบริเวณรูเหล่านั้น ทำให้พยุงหน้าได้ดีกว่าการร้อยไหมทั่วไป ทั้งยังส่งผลต่อการยกกระชับผิวในระยะยาว
  • ทำจากวัสดุ PDO (Polydioxanone) ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีสารตกค้างใต้ชั้นผิว และย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
  • ใช้เวลาทำเพียง 20-30 นาที แต่คงผลลัพธ์ได้นาน 1-2 ปี
  • อุปกรณ์ที่ใช้ในการร้อยไหมโครงตาข่าย TESSLIFT SOFT ได้รับออกแบบมาให้ใช้ได้อย่างสะดวก แม่นยำ และทำลายเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวน้อยที่สุด ซึ่งช่วยลดอาหารบวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้นนาน

หากใครที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการการยกกระชับ พร้อมทั้งได้รับการฟื้นฟูบำรุงกระตุ้นคอลลาเจนไปในตัวด้วย ลองพิจารณาการทำหัตถการร้อยไหมโครงตาข่าย TESSLIFT SOFT ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ iSKY Center

ใครที่เหมาะกับการร้อยไหม ?

  • ผู้ที่มีไขมันกระพุ้งแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
  • ใบหน้าอ้วนกลม ต้องการมีใบหน้าเรียว V-Shape
  • ใบหน้าหย่อนคล้อยจากอายุเพิ่มขึ้น
  • แก้มห้อยจากไขมันกระพุ้งแก้มที่แม้จะทำเครื่องมือยกกระชับ เช่น RF, Ultrasound, HIFU แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด

เหตุผลที่ต้องร้อยไหมที่ iSKY !

  • ที่ iSKY เราร้อยไหมโดยแพทย์เฉพาะทางผิวหนังและผ่านการฝึกอบรมการร้อยไหม TESSLIFT SOFT ไหมโครงตาข่ายโดยผ่านการรับรองจาก อย.ไทย, CE Mark และ KFDA (อย.เกาหลี)สามารถสลายได้เองมีความปลอดภัยสูง
  • สามารถเก็บส่วนหย่อนคล้อยเฉพาะจุด ไม่ทำลายชั้นไขมัน และไม่ต้องพักฟื้น 
  • ให้คุณมั่นได้ว่าจะเริ่มต้นความสวยอย่างถูกวิธี

ทำไมการยกกระชับด้วยการร้อยไหมถึงเห็นผลดีที่สุด ?

การร้อยไหมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว โดยเฉพาะแก้มและใบหน้าส่วนล่างให้กลับมามีรูปหน้าที่สวยได้อีกครั้ง

  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • ไม่มีแผลเป็น
  • เห็นผลทันทีหลังทำ

การเตรียมตัวก่อนการร้อยไหม

  • งดรับประทานอาหารเสริมและยาบางชนิดที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือดตามที่แพทย์แนะนำอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • เว้นระยะการรักษาด้วยเครื่องมืออื่นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • หากจำเป็นต้องพบทันตแพทย์ควรทำการรักษาให้เสร็จเรียบร้อย และเลือกนัดครั้งต่อไปให้ห่างจากการร้อยไหมอย่างน้อย 1 เดือน
  • ผิวหน้าปกติ ไม่มีผื่น หรือการติดเชื้อบนใบหน้า

การดูแลหลังการร้อยไหม

สามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันทีหลังการรักษา แต่มีข้อควรระวังบางอย่าง

  • ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมช้ำ ภายใน 2 วันแรก
  • นอนหงายและหนุนหมอนสูงในช่วง 3-5 วันแรก
  • ไม่แก้พลาสเตอร์ปิดแผล ออกภายใน 2 วันแรก
  • งดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • ล้างหน้า เช็คเครื่องสำอาง โกนหนวด อย่างเบามือ
  • หลีกเลี่ยงการถูนวดในช่วง 5 วันแรก
  • หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใบหน้าแบบรุนแรงในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างน้อย 3  สัปดาห์ โดยเฉพาะกีฬาที่ได้รับแรงกระแทก เช่น การวิ่ง
  • หลีกเลี่ยงการทำฟันในช่วง 3 สัปดาห์แรก
  • หลีกเลี่ยงการนวดหน้าและลำคอรวมถึงการทรีทเมนต์ความงามต่าง ๆ ในช่วง 4 สัปดาห์แรก

ลดบวมหลังร้อยไหมทำอย่างไร ?

  • ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมช้ำ ภายใน 2 วันแรก
  • นอนหงายและหนุนหมอนสูงในช่วง 3-5 วันแรก

รอยบุ๋มหลังร้อยไหมเมื่อไหร่จะหายไป ?

  • หลังร้อยไหมทันทีอาจมีรอยบุ๋มหรือผิวไม่เรียบได้บ้าง ซึ่งเป็นปกติหลังทำ  โดยจะหายไปใน 2-3 สัปดาห์
  • อาการแดง บวม หรือรอยช้ำจากเข็มอาจเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไปอาการบวมแดงจะหายไปเองภายในระหว่าง 2-3 ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน แม้จะรักษาหรือไม่ได้รักษาอาการก็ตาม ส่วนอาการช้ำ อาจอยู่ได้ 7-10 วัน

* ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

 

นัดปรึกษาปัญหา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คลิก!